วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เช็ค



เช็ค


เช็ค คือ ตราสารซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่ายสั่งให้ธนาคารให้ใช้เงินจำนวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งหรือให้ใช้ตามคำสั่งของบุคคลอีกคนหนึ่งอันเรียกว่า ผู้รับเงิน โดย เช็ค เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริหารเงินสดครับ เราสามารถจำแนกคู่สัญญาออกได้ดังนี้
1. ผู้สั่งจ่ายเช็ค (Drawer) คือเจ้าของบัญชีกระแสรายวันที่เปิดบัญชีไว้กับธนาคาร ผู้เขียนสั่งจ่ายหรือออกเช็ค
2. ธนาคาร(Banker) คือธนาคารผู้รับฝากเงินประเภทกระแสรายวันที่ผู้สั่งจ่ายเช็คเปิดบัญชีไว้
3. ผู้รับเงิน(Payee) คือผู้มีสิทธิที่จะขึ้นเงินตามเช็คนั้นในฐานะผู้ทรง(Holder) ทั้งนี้ผู้ทรงอาจมีฐานะ เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้รับเงินตามที่ปรากฎในเช็คนั้น หรืออาจเป็นผู้รับเงินในฐานะ ผู้รับสลักหลัง หรือใน ฐานะผู้ถือได้


กฎหมายของไทยได้กำหนดให้เช็คที่ใช้ในการพาณิชย์มี 2 รูปแบบใหญ่ๆ คือ

เช็คระบุชื่อ  เป็นเช็คที่ผู้สั่งจ่ายเขียนขึ้นเพื่อสั่งธนาคารให้จ่ายเงินโดยระบุชื่อผู้รับเงิน หรือให้ใช้ตาม คำสั่งของบุคคลนั้น หมายความว่า เช็คฉบับดังกล่าวจะสามารถนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้โดยจะ จ่ายเงินให้กับผู้ที่มีชื่อรับเงินอยู่ในเช็คแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

เช็คผู้ถือ  คือเช็คที่ผู้สั่งจ่ายเขียนออกให้โดยสั่งธนาคารให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือหรือจ่ายตามคำสั่งของผู้ถือ และครอบคลุมถึงเช็คที่ระบุชื่อผู้รับเงินแต่ก็มีคำว่า “ผู้ถือ” รวมอยู่ด้วย พูดง่ายๆก็คือเช็คฉบับ ดังกล่าวจะไม่มีการลงชื่อสั่งจ่ายเอาไว้ใครก็ตามที่ถือเช็คดังกล่าวอยู่สามารถเอาไปขึ้นเงินที่ธนาคาร ได้ทันที

นอกจากนี้สำหรับในประเทศไทยของเรายังมีการแบ่งเช็คลงไปในรายละเอียดปลีกย่อยที่ลึกขึ้นอีก โดยมีการแบ่งเช็คออกเป็นทั้งหมด 7 ประเภท ตามรูปแบบการใช้งานทางธุรกรรมการเงิน ได้แก่

1. เช็คเงินสด หรือผู้ถือ (Cash or Bearer’s cheque)   เป็นเช็คที่ผู้ถือสามารถนำไปขึ้นเงินกับทาง ธนาคารได้โดยทันที แต่ถ้ายังไม่ประสงค์จะขึ้นเงิน ก็สามารถนำไปฝากเข้าบัญชีของตนเองได้ ถ้าจะมีการโอนเช็คไปให้แก่ผู้อื่นก็ไม่ต้องมีการเขียน สลักหลังแต่ประการใด
 

2. เช็คระบุชื่อผู้รับเงิน (Order’s cheque)   คือเช็คที่ผู้สั่งจ่ายระบุชื่อผู้รับเงินลงไปในเช็ค ซึ่งผู้รับเงิน จะต้องนำเช็คไปเบิกเงินด้วยตนเองหรือถ้าจะโอนให้ผู้อื่นจะต้องทำการสลักหลังโดยเซ็นชื่อด้าน หลังเช็คด้วย
 

3. เช็คของธนาคาร (Cashier’s Cheque or Treasurer’s Cheque)  ธนาคารจะออกเช็คชนิดนี้ให้แก่ ลูกค้าที่นำเงินสดมาซื้อเช็คกับทางธนาคาร โดยในตัวเช็คจะมีลายเซ็นของพนักงานผู้มีอำนาจใน ธนาคารเซ็นรับรองกำกับไว้ จึงเป็นเช็คที่ใช้ภายในพื้นที่ท้องถิ่นของธนาคารนั้นๆ จะไปใช้ต่างพื้นที่ หรือซื้อดร๊าฟไม่ได้
 

4. เช็คที่ธนาคารรับ (Certified Cheque)   ธนาคารจะรับรองเช็คชนิดนี้ก็ต่อเมื่อผู้สั่งจ่ายมีเงินอยู่ใน บัญชีเพียงพอ ซึ่งทางธนาคารจะประทับตราว่า “ใช้ได้” พร้อมกับวันที่และลายเซ็นของพนักงานที่มี อำนาจรับผิดชอบจากทางธนาคารด้วย


5. เคาน์เตอร์เช็ค (Counter Cheque)   เป็นเช็คของธนาคารใช้ในกรณีที่เจ้าของบัญชีต้องการใช้เงิน โดยกระทันหันแต่ลืมเอาสมุดบัญชีไป ธนาคารก็จะออกเช็คชนิดพิเศษแบบนี้ให้เขียนสั่งจ่ายเงิน โดยเช็คประเภทนี้จะใช้ได้เฉพาะภายในธนาคารเท่านั้นจะโอนสลักหลังให้แก่ผู้อื่นไม่ได้
 

6. เช็คสำหรับผู้เดินทาง (Traveler’s Cheque)    เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องการที่จะพก  
เงินสดติดตัวไปด้วยเป็นจำนวนมากๆ ซึ่งอาจจะมีปัญหาในเรื่องของความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้นได้ โดยทางธนาคารจะเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้แลกซื้อเช็คชนิดได้ตามสาขาต่างๆ     

7.  ดร๊าฟธนาคาร (Banks Draft)   เป็นเช็คในอีกลักษณะหนึ่งที่ทางธนาคารจะมีคำสั่งไปยังธนาคาร อีกแห่งหนึ่งหรืออีกสาขาหนึ่ง ให้จ่ายเงินในจำนวนที่กำหนดไว้แก่บุคคลที่ถูกระบุชื่อไว้บนดร๊าฟ โดยดร๊าฟของธนาคารจะมีไว้เพื่อส่งเงินไปต่างพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ จึงแตกต่างจาก Cashier’s Cheque อย่างสิ้นเชิง

รายละเอียดภายในเช็ค
1. มีคำบอกชื่อว่าเป็นเช็ค หมายถึง หลักฐานที่แสดงว่ากระดาษแผ่นนี้เป็นเช็คของธนาคารจริงๆ เช่น มีตัวหนังสือระบุว่าเป็นเช็คเลขที่ 956351 เป็นต้น
2. คำสั่งซึ่งให้ใช้เงินเป็นจำนวนแน่นอนโดยไม่มีเงื่อนไขในการใช้เงิน นั่นหมายถึงจำนวนเงินที่เขียน หรือพิมพ์เป็นทั้งตัวเลขและตัวหนังสือนั่นเอง
3. ชื่อหรือยี่ห้อของสำนักธนาคาร
4. ชื่อหรือบริษัทของผู้รับเงิน
5. ลายมือชื่อ (ลายเซ็น) ของผู้สั่งจ่ายสถานที่ใช้เงิน
6. สถานที่ใช้เงิน
7. วัน เดือน ปี และสถานที่ออกเช็ค

ซึ่งความสมบูรณ์ของเช็คตามที่กฎหมายระบุไว้ก็คือจะต้องมีการเขียนหรือพิมพ์กรอกใน รายละเอียด ตั้งแต่ข้อที่ 1 - 5 ครบถูกต้องสมบูรณ์ทุกข้อห้ามผิดพลาดโดยเด็ดขาด  มิเช่นนั้นเช็ค ใบดังกล่าวจะเสียและถือว่าเป็นโมฆะทางกฎหมายโดยทันที ส่วนข้อที่ 6 นั้นสามารถเว้นว่างเอาไว้ได้ โดยกฎหมายจะให้ถือว่าเป็นเช็คออก ที่อยู่ (ภูมิลำเนา) ของผู้สั่งจ่าย สำหรับข้อที่ 7 วัน เดือน ปี นั้นถ้าเว้นว่างเอาไว้ไม่ได้กรอกรายละเอียดก็ไม่เป็นอะไรและยังถือว่าเช็คฉบับดังกล่าวยังมีผลทาง กฎหมายอยู่ เพียงแต่จะยังไม่ได้รับเงินเท่านั้นเนื่องจากไม่ได้ระบุวันที่สำหรับการขึ้นเงินเอาไว้นั่นเอง



นอกจากนี้เช็คในแต่ละแบบยังมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย โดยจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ ผู้สั่งจ่าย (ผู้เขียนเช็ค) ต้องการให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับเช็คใบดังกล่าวเป็นการเฉพาะ โดยลักษณะและคำศัพท์ของเช็คที่สำคัญๆ ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องศึกษาเรียนรู้มีดังนี้

1. เช็คขีดคร่อม   เป็นเช็คที่มีการขีดเส้นคู่ขนานไว้ที่มุมบนทางด้านซ้ายของเช็ค ด้วยลักษณะที่มีการ ลากเส้นยาวขีดข้ามจากด้านหนึ่งไปสิ้นสุดที่อีกด้านหนึ่งของหัวมุมจึงทำให้ผู้คนทั่วไปเรียกติดปาก กันว่าเช็คขีดคร่อมนั่นเอง โดยเช็คลักษณะนี้นั้นอาจจะเป็นเช็คที่ระบุชื่อหรือจะเป็นเช็คผู้ถือก็ได้ ซึ่งเช็คขีดคร่อมมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
                1) เช็คขีดคร่อมทั่วไป เป็นเช็คที่มีเส้นคู่ขนานปรากฎที่หัวมุมด้านซ้ายแต่เพียงอย่างเดียว โดยเช็คประเภทนี้ผู้รับเงินไม่สามารถนำเช็คไปเบิกเป็นเงินสดออกมาได้โดยทันทีเนื่องจากมีการขีด คร่อมเอาไว้ ซึ่งจำนวนเงินตามยอดที่อยู่ในเช็คนั้นจะโอนเข้าบัญชีของธนาคารที่ผู้รับนำเอาเช็คไป ขึ้นแทน พูดง่ายๆ ก็คือผู้รับเอาเช็คไปยื่นให้ธนาคารและธนาคาร ก็จะไปเรียกเก็บจากผู้สั่งจ่ายอีกที ในลักษณะเหมือนเป็นคนกลาง
 
                2) เช็คขีดคร่อมเฉพาะ หมายถึงเช็คที่มีการขีดคร่อมไว้ที่มุมบนด้านซ้ายมือเหมือนๆ กันกับเช็คขีดคร่อมธรรมดาทุกประการ แต่จะแตกต่างกันตรงที่เช็คขีดคร่อมเฉพาะมีการเขียน ตัวหนังสือระบุความต้องการเป็นการเฉพาะลงไปในช่องว่างระหว่างเส้นคู่ขนานด้วยนั่นเอง โดยเช็คชนิดนี้จะมีการจ่ายเงินให้กับธนาคารที่ถูกระบุไว้ภายในเส้นคู่ขนานเท่านั้น ผู้รับเงินจึงจำเป็น ที่จะต้องนำเอาเช็คไปขึ้นกับทางธนาคารที่กำหนดด้วย
 

2. เช็คสลักหลัง   เป็นรูปแบบของการโอนเช็คจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการโอนกรรมสิทธิ์ของเช็คไปให้ผู้อื่นนั่นเอง โดยเช็คสลักหลังมีด้วยกัน 2 ชนิด คือเช็คสลัก หลังระบุชื่อ” เป็นเช็คที่ผู้รับเงินตามที่เขียนระบุไว้ด้านหน้าของเช็คเซ็นชื่อตนเองที่ด้านหลังพร้อม เขียนระบุลงไปเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนด้วยว่าต้องการโอนเช็คดังกล่าวไปให้กับใคร เช็คสลักหลังลอย” คือเช็คที่ผู้รับเงินเซ็นชื่อที่เอาไว้ที่ด้านหลังเช็คแต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้ระบุ ข้อความอื่นใดที่นอกเหนือจากนี้ จึงทำให้เช็คฉบับนี้กลายเป็นเช็คผู้ถือ (ในกรณีที่ด้านหน้าเช็คไม่ได้ มีการขีดคร่อม) ไปโดยทันที ใครจะนำเอาเช็คฉบับนี้ไปขึ้นเงินก็ได้
 

3. เช็คลงวันที่ล่วงหน้า   เป็นเช็คที่ผู้ประกอบการในแวดวงธุรกิจนิยมใช้กันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการค้ำประกันสำหรับธุรกิจประเภทที่ต้องใช้ระบบการ หมุนเวียนเงินได้เป็นอย่างดี ในลักษณะที่ว่ารับสินค้ามาขายก่อนแล้วเงินค่อยตามไปทีหลัง โดยผู้จ่าย จะลงวันที่เอาไว้ล่วงหน้าซึ่งจะนานเท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ผู้จ่ายจะเป็นผู้กำหนด ซึ่งเช็คจะมีผลบังคับใช้ และเรียกเก็บเงินจากในบัญชีจริงก็ต่อเมื่อถึงวันที่กำหนดเอาไว้ภายในเช็คเท่านั้น
 

4. เช็คเคลียริ่ง   ผู้ประกอบการทุกคนจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในองค์ความรู้ส่วนนี้ให้มากเป็น พิเศษ เนื่องจากค่อนข้างจะมีการสับสนกันมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ๆ จึงขอทำความเข้าใจให้ตรงกันว่าเช็คเคลียริ่งนั้นเป็นกระบวนการที่ธนาคารต่างๆ เรียกเก็เช็ค ระหว่างกัน ซึ่งในอดีตจะต้องใช้เวลาที่นานมากประมาณ 2 - 3 วัน แต่ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาขึ้น มามาก โดยการเคลียริ่งแต่ละครั้งนั้นจะกินเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมง ซึ่งเวลาอาจจะน้อยกว่านี้ก็เป็นได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับธนาคารที่ผู้ประกอบการเลือกใช้บริการด้วย
 

5. เช็คคืน   เป็นลักษณะของเช็คที่ผู้ประกอบการเกลียดและกลัวมากที่สุด เนื่องจากสภาพของเช็ค คืนจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ด้วยสาเหตุหลักเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ เงินในบัญชีของผู้จ่ายมีไม่เพียงพอกับ จำนวนตัวเลขที่ปรากฎอยู่บนเช็คนั่นเอง หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า เช็คเด้ง ซึ่งผู้ประกอบ การ ที่โดนเช็คประเภทนี้สามารถไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีได้ เนื่องจากกรณีของเช็คคืน ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีความจงใจในการกระทำผิด



การจ่ายเช็คในแวดวงธุรกิจที่เราพบเห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบันนั้น หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ มูลค่าของตัวเลขที่ผู้ประกอบการกรอกลงไปในช่องว่างหรือตัวอักษรที่บรรจงเขียนในช่องของผู้รับแต่อย่างใดเลย แต่กลับเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือในตัวผู้สั่งจ่ายมากกว่า ซึ่งต้องถือว่ามีค่ามากกว่า เงินตราหลายเท่าตัวนัก เพราะสุดท้ายแล้วเช็คที่มีอยู่ในมือของผู้ประกอบการอาจจะไม่มีประโยชน์ อะไรเลยก็เป็นได้ ตราบใดที่ผู้สั่งจ่ายไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้รับเช็คในท้ายที่สุด

ที่มา : http://www.thaifranchisecenter.com/document/show.php?docuID=381



           
           จัดทำโดย  น.ส. ธนัญญา  กฐินทอง ห้อง 942 เลขที่ 15
                              โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
           เสนอ         อ.ประพิศ  ฝาคำ